จากสถาณการณ์ระหว่างหัวเหว่ย แบรนด์โทรศัพท์มือถือยักใหญ่ของจีน กับรัฐบาลสหรัฐฯ กับการแบนอุปกรณ์และการเข้าถึงบริการต่างๆของ Google ถือเป็นปรากฏการณ์ช็อควงการเทคโนโลยีโลกเป็นอย่างมาก แต่ทว่าไม่มีทางที่ยักษ์ใหญ่อย่างหัวเหว่ยจะยอมจำนนอะไรง่าย เพราะทางหัวเหว่ยที่จริงได้มีการเตรียมแผนรองรับเหตุการณ์แบบนี้เอาไว้แล้ว
โดยทางหัวเหว่ยได้ซุ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2012
ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยชื่อของระบบปฏิบัติการแรกของ Huawei แล้ว โดยมีชื่อว่า ‘Hongmeng’ ซึ่งยังไม่เป็นที่คอนเฟิร์มว่าเป็นชื่อของระบบปฏิบัติการหรือเป็นโค้ดเนม แต่แหล่งข่าวยืนยันว่าระบบปฏิบัติการดังกล่าวนั้น มีอยู่จริง
อย่างไรก็ตาม การที่หัวเหว่ยจะประกาศสงครามระบบปฏิบัติการใหม่กับสองขั่วใหญ่ของโลกอย่าง Android กับ iOS นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเรื่องของความน่าเชื่อถือ การพัฒนาแอ้ปต่างๆที่คงต้องใช้เวลานานพอสมควร อีกทั้งประชากรโลกผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ได้ตัดสินใจไปแล้วว่า โลกนี้ควรมีระบบปฏิบัติการบนมือถือเพียงสองระบบ คือ Android กับ iOS ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นก่อนหน้าแล้วนั้นคือ Microsoft กับระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่ตอนนี้ เรียกได้ว่าเข้ากรุไปเรียบร้อยแล้ว
นับถือน้ำใจ! หนุ่มขับแท็กซี่คนนี้ส่งเงินที่ผู้โดยสารลืมไว้ในรถคืน เป็นครั้งที่ 3 ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์ภาพของชายคนหนึ่งพร้อมข้อความระบุว่า “นาย ศราวุธ บุญศรัทธาคนขับเเท็กซี่ ทฬ4565 อาสาสมัคร มูลนิธิร่วมกตัญญู จุดพระยาไกร27 นี่ไม่ใช่ครั้งแต่เป็นครั้งที่3 แล้ว ของการเป็นพลเมืองดีในอาชีพ ที่ส่งคืนทรัพย์สินสิ่งของผู้โดยสารที่ทำตกหรือลืมไว้ในรถ และ นำส่งคืนเจ้าของได้สำเร็จ ความสุขจากการทำความดีอย่างแท้จริงแบบนี้เป็นความสุขจากหัวใจ ”
โดยใช้เวลากว่า 2 ชม.จึงสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดและไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง แต่ยังคงต้องฉีดน้ำสกัดกั้นไม่ให้เปลวเพลิงลุกขึ้นมาซ้ำสองตลอดเวลา โดยยังมีกลุ่มควันพวยพุ่งอยู่บริเวณร้านค้าและอาคารพาณิชย์ตลอดเวลา ตรวจสอบไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียหาย เบื้องต้นมีร้านค้าไม่ต่ำกว่า 4-5 ร้านถูกเพลิงเผาจนวอดทั้งหมด และยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นร้านค้าอะไรบ้าง ส่วนค่าเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
รวมถึงมาตรา 13 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ ของมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ในกรณีที่ศาลออกหมายจับผู้ใดตามคําร้องขอของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ หรือในกรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ ได้รับแจ้งจากศาลให้จับกุมผู้ใดตามหมายจับที่ศาลออกเอง ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมาภายใน 180 วันนับแต่วันที่ศาลออกหมายจับ ให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตํารวจแจ้งให้ ผอ.ทะเบียนกลางทราบ และให้ ผอ.ทะเบียนกลางดําเนินการให้นายทะเบียน ผู้รับแจ้งย้ายผู้นั้นออกจากทะเบียนบ้าน และเพิ่มชื่อและรายการของผู้นั้นไว้ในทะเบียนบ้านกลาง และให้หมายเหตุไว้ในรายการของบุคคลนั้นว่าอยู่ในระหว่างการติดตามตัวตามหมายจับด้วย การหมายเหตุดังกล่าวมิให้ถือว่าเป็นการจัดเก็บข้อมูลตามมาตรา 13 (2) ผู้ใดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลางตามวรรคสอง ถ้าผู้นั้นประสงค์จะย้ายออกจากทะเบียนบ้านกลาง ผู้นั้นต้องมาแสดงตนต่อนายทะเบียนที่จัดทําทะเบียนบ้านกลางนั้น พร้อมทั้งหลักฐานอันแสดงว่าหมายจับนั้นได้ถูกเพิกถอน หรือได้มีการปฏิบัติตามหมายจับนั้นเสร็จสิ้นแล้ว
โหดได้โล่ห์! ตร.ภูเก็ตเร่งล่าตัว 2 วัยรุ่นอารมณ์ร้อนทุบรถกู้ชีพ เหตุไม่พอใจถูกบีบแตรเตือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันนี้(23 พ.ค.62 )ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “Kaew Detnarong” หรือ นาย เดชณรงค์ ส่งแสงซึ่งเป็นทนายความ และเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้โพสต์ภาพนิ่งและวีดิโอคลิปความยาวประมาณ 04.34 นาที พร้อมข้อความระบุว่า “ฝากตามหาตัวกันหน่อยครับ มีคลิปกล้องหน้ารถหลังรถ วันที่ 20 พ.ค. 62 เวลาประมาณ 16.45 น. ผมได้ขับรถพยาบาลอาสาสมัคร รหัส เทพกระษัตรี 05 จากนาคามุ่งหน้าแยกเซ็นทรัล พอขึ้นจากอุโมงค์หน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ก็วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วก็เปลี่ยนเข้าเลนกลาง เมื่อเข้าเลนกลางแล้ว องกระจกมองข้างด้านซ้าย เีห็น จยย. จากเลนซ้ายจะแซงรถกระบะสีแดง จึงได้บีบแตรเตือน เพราะรถเกือบจะชนด้านซ้ายของรถพยาบาลแล้ว ปรากฏว่าคนซ้อน จยย. ได้ใช้ของแข็งขว้างใส่กระจกหลังรถพยาบาล ผมจึงชะลอรถ คนขับจยย.ได้ขับมาเทียบข้างและบอกให้จอด ผมจึงบอกว่าได้ แต่มองเห็นทางกระจกว่า คนซ้อนได้ชักอาวุธสีดำออกมา จึงได้ขับรถต่อไปไม่จอด แต่เขาก็ขับตามมา และบอกให้จอด ผมก็ขับไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเขาไม่ตามผมจะได้เลี้ยวเข้าโลตัสเพื่อไปซื้อยาใส่รถพยาบาล ปรากฏว่าเขาลงมาจาก จยย.และวิ่งตามมา ผมจึงได้เร่งขับออกไป แต่เขาก็ขึ้นรถขับตามมาขว้างของแข็งใส่กระจกอีกครั้ง แล้วเร่งแซงขึ้นมาทางด้านคนขับ คนซ้อนได้เงื้อมีดจะแทงกระจกฝั่งคนขับ ผมจึงเบี่ยงรถไปหาเขา เพื่อให้เขาหลบออกไป แต่เขาได้เร่งแซงขึ้นหน้ารถ และชี้หน้าด้วยมีดในมือ ผมเห็นว่าเขาไม่ปล่อยผมแน่ ผมจึงได้เบิ้ลเครื่องขู่ แต่เขาใช้มีดแทงหน้ารถ ผมจึงเร่งเครื่องเบียดรถ จยย. เพื่อให้เขากลัว แต่ปรากฏว่าเขาได้ขับไล่ตามมาใช้ขวานฟันกระจกหลังรถและกระจกด้านข้าง ผมจึงได้เร่งเครื่องหนี และมีตำรวจจราจรขับรถอยู่ด้านหน้าไกลๆ เขาเห็นตำรวจจึงเลี้ยวรถกลับไปทางโลตัส มีคนถามว่าทำไมไม่ชน ผมเป็นรถพยาบาล เราถูกฝึกมาช่วยคนไม่ใช่ทำร้ายคน”
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ นายเดชณรงค์ ส่งแสง ผู้โพสต์ ได้เดินทางไปยังสภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เพื่อพบ ร.ต.อ.ณัฐธีร์ พิชิตชัยนิธิเมธ รองสว.(สอบสวน) สภ.วิชิต เพื่อแจ้งความร้องทุกข์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.วิชิต และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ติดตามตัวสองวัยรุ่นผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยเพิ่มเติมว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามข้อ กล่าวหาว่า “ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ”